2564/04/27

โรคพยาธิในกระแสเลือดโค (Blood parasite)

พยาธิอยู่เลือดได้ จริงหรือไม่

        พยาธิมีด้วยกันหลักๆ 2 ชนิด คือ

1. พยาธิในระบบทางเดินอาหาร
        เป็นพยาธิที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งจะอยู่ในอวัยวะต่าง เช่น พยาธิในกระเพาะอาหาร, พยาธิใบไม้ในตับ เป็นต้น บางชนิดอาจจะมีการเคลื่อนที่ไปยังอวัยวะต่างๆได้อีกด้วย

2. พยาธิในกระแสเลือด
        เป็นพยาธิที่อาศัยอยู่ในเลือด มีทั้งแบบอยู่บนเม็ดเลือด และนอกเม็ดเลือด โรคพยาธิในเลือดมักตรวจพบและระบาดในฝูงโค โดยเฉพาะในฤดูฝน เนื่องจากมีแหล่งน้ำ และความชื้น ซึ่งเป็นแหล่งเพาะแมลงที่เป็นพาหะนำโรค สำหรับโรคพยาธิในเลือดที่พบและทำให้โคป่วยและตาย

พยาธิในกระแสเลือด เกิดจากอะไร

        การที่มีพาหะที่นำโรคจากโคตัวหนึ่งไปสู่โคอีกตัวหนึ่ง ได้แก่ แมลงดูดเลือด เห็บ รวมทั้งเข็มฉีดยาที่มีการฉีดยา หรือฉีดวัคซีนจากโคตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งในช่วงเวลาสั้นๆ

อาการของพยาธิในกระแสเลือด เป็นอย่างไร

        ลักษณะภายนอกที่พบ คือ โคซึม ไม่กินอาหาร ไข้ขึ้นสูงถึง 41 องศาเซลเซียส เยื่อเมือกบริเวณปากช่องคลอด (vulva) และเยื่อเมือกที่ตาซีด หรือเหลืองแบบดีซ่าน ส่วนโคที่ติดเชื้อ Babesiosis จะพบปัสสาวะมีสีแดงคล้ายสีน้ำโค้ก โคบางตัวที่มีปริมาณฮีโมโกลบินต่ำมากก่อนตายมักจะแสดงอาการทางประสาทให้เห็น ส่วนโคที่ติดเชื้อ Trypanosomosis โคมักจะแท้งลูกในระยะท้ายของการตั้งท้อง (> 5 เดือน) หรือ ลูกตายแรกคลอด ลูกตัวเล็ก สำหรับการผ่าซากโคเพื่อวินิจฉัยโรคเบื้องต้น พบม้ามขยายใหญ่ น้ำดีข้นหนืด กระเพาะปัสสาวะอาจยังคงมีปัสสาวะที่เป็นสีโค้กค้างอยู่ในถุง (ในกรณีที่เป็น Babesiosis)




พยาธิในกระแสเลือดโค มีกี่ตัว

1. Babesiosis เกิดจากเชื้อ Babesia spp. โดยมีเห็บเป็นพาหะนำเชื้อ
2. Anaplasmosis เกิดจากเชื้อ Anaplasma spp. โดยมีเห็บเป็นพาหะนำเชื้อ
3. Theileriosis เกิดจากเชื้อ Theileria spp. โดยมีเห็บเป็นพาหะนำเชื้อ
4. Trypanosomosis เกิดจากเชื้อ Trypanosoma spp.โดยมีเหลือบเป็นพาหะนำเชื้อ
5. Microfilariasis เกิดจากเชื้อ Microfilaria spp.โดยมียุงเป็นพาหะนำเชื้อ







มีวิธีการวิธีการป้องกัน หรือไม่

1. การใช้ยากำจัดแมลงดูดเลือด เห็บ เช่น การใช้สมุนไพร (ขมิ้น+ตะไคร้หอม+สะเดา) หรือการใช้สารเคมี (Baricade®, Taktic®) พ่นตัวโคเป็นระยะๆ (เดือนละครั้งในฤดูที่มีเห็บและแมลงมาก) รวมทั้งรอบๆ คอก
2. การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์แมลง ควรมีการเก็บมูลโคข้างคอกเป็นระยะๆ รวมทั้งถางหรือเผาหญ้ารอบคอกในรัศมีประมาณ 1 เมตร ทางเดินที่โคใช้ประจำ เช่น จากคอกมาโรงรีดนมซึ่งมักมีไข่และตัวอ่อน ของแมลงและเห็บอยู่จำนวนมาก
3. ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในระยะเวลาอันสั้น นอกจากโรคพยาธิในกระแสเลือดแล้วสามารถก่อให้เกิดการแพร่กระจายของโรคติดต่ออื่นๆได้ เช่น โรคแท้งติดต่อ โรควัณโรค เป็นตต้น
4. ปัจจุบันได้มีการผลิตนวัตกรรมหลอดไฟไล่แมลง

โรคนี้รักษาหาย หรือไม่

        ก่อนที่จะใช้ยาในการรักษานั้นจำเป็นที่จะต้องมีการเจาะเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจว่าเป็นพยาธิในกระแสเลือดตัวใด เนื่องจากยาที่ใช้ในการรักษาจะต่างกัน เช่น
1. Babesiosis ใช้ Berenil®, Imizol®
2. Anaplasmosis ใช้ Imizol®, ยาในกลุ่มTetracycline
3. Trypanosomosis ใช้ Berenil®
4. Microfilariasis ใช้ Ivermactin
5. Theileriosis ใช้ ยาในกลุ่มTetracycline










2564/04/26

ทำไมถึงต้องล้วงตรวจระบบสืบพันธุ์แม่โค

ล้วงตรวจระบบสืบพันธุ์ คืออะไร

        เป็นการจับ หรือคลำระบบสืบพันธุ์ของโคโดยวิธีการล้วงผ่านทวารหนัก โดยการใช้มือหรือการใช้เครื่องอัลตราซาวด์ ก็ได้ เป็นวิธีการเพิ่มผลผลิตให้แก่ฟาร์ม (เช่น ลดอัตราท้องว่าง, ลดระยะห่างของการให้ลูก  เป็นต้น)



ล้วงตรวจระบบสืบพันธุ์ เพื่ออะไร

  1. เพื่อดูความสมบูรณ์พันธุ์ของโค (เช่น การพัฒนาของรังไข่, การเจริญเติบโตของไข่แต่ละใบ เป็นต้น)
  2. เพื่อตรวจดูความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ (เช่น มดลูกอักเสบ, ถุงน้ำใขรังไข่, คอมดลูกเอียง เป็นต้น)
  3. เพื่อตรวจการตั้งท้องของโค เมื่อผ่านการผสมมา 45-60 วัน

คุณหมอล้วงแล้วเจออะไรบ้าง


ควรล้วงตรวจระบบสืบพันธุ๋เมื่อไหร่

        1. การล้วงตรวจด้วยมือ (Rectal palpation)

                1.1. เพื่อตรวจการตั้งท้อง เริ่มตรวจได้เมื่อได้รับการผสม 45-60 วัน
                1.2. เพื่อตรวจระบบสืบพันธุ์ เริ่มตรวจได้ 1 เดือนหลังคลอด หรือตรวจในโคที่ 60-90 วัน ไม่ได้รับการผสม

        2. การล้วงตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

                1.1. เพื่อตรวจการตั้งท้อง เริ่มตรวจได้เมื่อได้รับการผสม 30-35 วัน 
                1.2. เพื่อตรวจแยกเพศโค เริ่มตรวจได้เมื่อได้รับการผสม 55-60 วัน 



แล้ว "กำไร" จะอยู่แค่เอื้อม








ค.ควายทะเลน้อย

สวัสดีครับ วันนี้เราทำความรู้จัก เรื่อง กระบือภาคใต้ (ควายทะเลน้อย) 


ควายทะเลน้อย คืออะไร

    ถ้าเราพูดถึงเรื่องสัตว์ที่อยู่คู่คนไทยเป็นเวลานาน และให้ความสำคัญกับคนไทยมากที่สุด หนีไม่พ้น น้องควายของเรานี้แหละครับ ประเทศไทย เป็นประเทศเกษตรกรรมที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น ประชากรส่วนมากมีอาชีพทำการเกษตร มีพื้นที่ถือครองน้อย ส่วนมากทำการเกษตรผสมผสานปลูกพืช เลี้ยงสัตว์บนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ได้แก่ ดิน อากาศ นํ้า พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ท้องถิ่น ประเทศไทยมีทำเลเหมาะแก่การปลูกข้าว ชาวนาไทยได้เรียนรู้การพึ่งพาปัจจัยการผลิตที่เป็นทรัพยากรในท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์เพื่อการดำรงชีพ เช่น การนำควายมาใช้ประโยชน์ร่วมกับการปลูกข้าวทุกขั้นตอน จนเกิด วิถีชีวิต วัฒนธรรมต่างๆที่งดงาม ให้คนอยู่อย่างเกื้อกูลกับธรรมชาติ เพื่อให้ใช้ประโยชน์ได้ยั่งยืน จนก่อเกิดเป็นภูมิปัญญาในการจัดการต่างๆมากมาย
    ควายในแต่ละพื้นที่นั้น จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน เช่น ควายแกลบ อยู่แถบอําเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, กระบือตู้ (กระบือทู่) อยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศไทย, ควายประ อยู่ที่อําเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค, ควายทุย อยู่ในแถบจังหวัดลําพูน ลําปาง และอุตรดิตถ์ เป็นต้น ส่วนภาคใต้นั้นจะมีชื่อเรียกว่า ควายจ้อน ในอําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยที่ควายที่เห็นในทะเลน้อยจะเป็นควายปลัก (Swamp buffalo) อาจจะเป็นเพราะนิสัยของมันชอบแช่ปลัก หรือชอบลงเล่นน้ำเมื่อมีอากาศร้อนมีรูปร่างลํ่าสัน ลําตัวหนาลึก ท้องใหญ่ หัวยาวแคบ เขามีลักษณะแบนโค้งไปข้างหลัง หน้าสั้น หน้าผากแบนราบ ตานูนเด่นชัด ช่วงระหว่างรูจมูกทั้งสองข้างกว้าง คอยาว และบริเวณใต้คอจะมีบั้งคอซึ่งมี ขนขาวเป็นรูปตัววี (Chevron) หัวไหล่และอกนูนเห็นได้ชัดเจน ผิวหนังมีสีเทาเข้มเกือบ ดํา น้ำหนักเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์จะอยู่ที่ 300 กิโลกรัม 


ควายมีสีอะไรบ้าง

            ควายลักษณะทั่วไปแล้วจะมีสีดำ โดยที่ยีนส์ปกติของควายทั่วไปจะถ่ายทอดพันะุกรรมเป็นสีดำ ส่วนที่เราเห็นเป็นสีขาวหรือเผือกนั้น เป็นการถ่ายทอดความผิดปกติทางด้านยีนส์จนส่งผลให้สีของหนัง ขน และปลายจมูกมีสีขาวอมชมพู มักจะพบได้เพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ซึ่งยีนส์ด้อยนี้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าลูกที่ได้จากพ่อและแม่เป็นควายเผือก ก็มีโอกาสสูงที่ลูกจะกลายเป็นควายเผือกด้วยเช่นกัน   

ควายทะเลน้อยกินอะไรบ้าง

            อาหารของควายทั่วไป คือ หญ้า ซึ่งหญ้ามีหลายชนิดด้วยกัน โดยขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่นั้นๆ ว่าสามารถปลูกพืชอาหารสัตว์ชนิดใดได้บ้าง แต่ในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยนั้น มีหญ้าหลายชนิดด้วยกัน เช่น หญ้าข้าวผี หญ้าขน หญ้าปล้อง หญ้าจูดหนู หญ้าไทร ต้นปรือ ต้นลิเภา ต้นลำทิง ต้นกง ผักตบชวา ผักบุ่ง เป็นต้น


สุขภาพควายทะเลน้อยเป็นอย่างไร

            ควายทะเลน้อยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นระบบเลี้ยงแบบปล่อยทุ่ง ซึ่งการจัดการสุุขภาพค่อนข้างจัดการได้ยากทั่วไปแล้วปัญหาสุขภาพที่พบ มีดังนี้
  1. โรคปากและเท้าเปื่อย
  2. โรคขาดสารอาหาร
  3. โรคฉี่หนู
  4. โรคพยาธิใบไม้ในตับ
  5. โรคแท้งติดต่อ
  6. โรคพยาธิเม็ดเลือด
            โดยปัญหาของโรคดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมปศุสัตว์, คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยราชมงคลศรีวิชัย, มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นต้น




โรคพยาธิในกระแสเลือดโค (Blood parasite)

พยาธิอยู่เลือดได้ จริงหรือไม่           พยาธิมีด้วยกันหลักๆ 2 ชนิด คือ 1. พยาธิในระบบทางเดินอาหาร           เป็นพยาธิที่อยู่ในระ...